วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ภูมิปัญญาไทย และ การแพทย์แผนไทย


ภูมิปัญญาไทย
ภูมิปัญญาไทย ตรงกับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Wisdom หมายถึง ความรู้ความสามารถ วิธีการผลงานที่คนไทยได้ค้นคว้า รวบรวม และจัดเป็นความรู้ ถ่ายทอด ปรับปรุง จากคนรุ่นหนึ่งมาสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง จนเกิดผลิตผลที่ดี งดงาม มีคุณค่า มีประโยชน์ สามารถนำมาแก้ปัญหาและพัฒนาวิถีชีวิตได้แต่ละหมู่บ้าน แต่ละชุมชนไทย ล้วนมีการทำมาหากินที่สอดคล้องกับภูมิประเทศ มีผู้นำที่มีความรู้ มีฝีมือทางช่าง สามารถคิดประดิษฐ์ ตัดสินใจแก้ปัญหาของชาวบ้านได้ ผู้นำเหล่านี้ เรียกว่า ปราชญ์ชาวบ้าน หรือผู้ทรงภูมิปัญญาไทย
ลักษณะของภูมิปัญญาไทย
  • 1. ภูมิปัญญาไทยมีลักษณะเป็นทั้งความรู้ ทักษะ ความเชื่อ และพฤติกรรม
  • 2. ภูมิปัญญาไทยแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และคนกับสิ่งเหนือธรรมชาติ
  • 3. ภูมิปัญญาไทยเป็นองค์รวมหรือกิจกรรมทุกอย่างในวิถีชีวิตของคน
  • 4. ภูมิปัญญาไทยเป็นเรื่องของการแก้ปัญหา การจัดการ การปรับตัว และการเรียนรู้ เพื่อความอยู่รอดของบุคคล ชุมชน และสังคม
  • 5. ภูมิปัญญาไทยเป็นพื้นฐานสำคัญในการมองชีวิต เป็นพื้นฐานความรู้ในเรื่องต่างๆ
  • 6. ภูมิปัญญาไทยมีลักษณะเฉพาะ หรือมีเอกลักษณ์ในตัวเอง
  • 7. ภูมิปัญญาไทยมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อการปรับสมดุลในพัฒนาการทางสังคม
ภูมิปัญญาไทยสามารถสะท้อนออกมาใน 3 ลักษณะที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกัน คือ
  • 1. ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกันระหว่างคนกับโลก สิ่งแวดล้อม สัตว์ พืช และธรรมชาติ
  • 2. ความสัมพันธ์ของคนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมกันในสังคม หรือในชุมชน
  • 3. ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิ่งเหนือธรรมชาติ ตลอดทั้งสิ่งที่ไม่สามารถสัมผัสได้ทั้งหลาย
ทั้ง 3 ลักษณะนี้ คือ สามมิติของเรื่องเดียวกัน หมายถึง ชีวิตชุมชน สะท้อนออกมาถึงภูมิปัญญาในการดำเนินชีวิตอย่างมีเอกภาพ เหมือนสามมุมของรูปสามเหลี่ยม ภูมิปัญญาจึงเป็นรากฐานในการดำเนินชีวิตของคนไทย


ตัวอย่างภูมิปัญญาไทย ได้แก่
  • พืชสมุนไพรนำมาเป็นอาหาร และ ใช้สกัดเป็นยารักษาโรค การทำเครื่องมือจับสัตว์
  • ศิลปะมวยไทย
  • ภาษาท้องถิ่น
  • การแกะสลักเครื่องปั้นดินเผา
  • จิตรกรรมฝาผนังตามวัดต่างๆ
  • การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่
  • การทำบุญในวันสำคัญทางศาสนา
  • การทอผ้าไหม ทอผ้าฝ้าย
การแพทย์แผนไทย
การแพทย์พื้นบ้านของไทย  เป็นการดูแลสุขภาพที่มีมาแต่ดั้งเดิมพร้อมๆ กับการกำเนิดของชาติไทย  เกิดจากการเรียนรู้ธรรมชาติ  ลองผิดลองถูก  และจดจำบอกเล่าสืบต่อกันมา  มีความแตกต่างกันไปตามสิ่งแวดล้อมทางภูมิศาสตร์  เศรษฐกิจ  สังคม  วัฒนธรรม  และความเชื่อต่างๆ  เช่น  การแพทย์และสมุนไพรภาคเหนือ  ภาคใต้  เป็นต้น
               
          สำหรับการแพทย์พื้นบ้านอีสานเป็นกระบวนการที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างปัจจัยต่างๆ  เช่น  สภาพภูมิศาสตร์  ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์  และกระบวนการทางวัฒนธรรมนำไปสู่การทดลองเรียนรู้  การถ่ายทอดในกลุ่มของตนเอง  การแพทย์พื้นบ้านอีสานประกอบด้วยการป้องกัน (Prevention)  และการรักษา  (Curation)  และใช้วิธีทางธรรมชาติ  ไสยศาสตร์  และพุทธไสยศาสตร์
 
          ชาวอีสานเชื่อเรื่องผี  เชื่อว่าผู้มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่คือ  ผีแถน  หรือผีฟ้าพญาแถน  แถนเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง  ให้กำเนิดดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  โลกและมนุษย์  ผีที่ใกล้ชิดชาวบ้านอีสานมากที่สุดคือ  ผีปู่ตา  ซึ่งถือว่าเป็นผีบรรพบุรุษที่มาคอยปกปักรักษาลูกหลาน  คอยช่วยเหลือชาวบ้านที่มีทุกข์ร้อน  ชาวบ้านจะสร้างศาลปู่ตาไว้ที่ป่าใกล้บ้านเรียกว่า ป่าปู่ตา  เป็นป่าที่ศักดิ์สิทธิ์
 
          นอกจากนี้ชาวอีสานยังเชื่อเรื่องขวัญว่าขวัญเป็นสิ่งรวมศูนย์ชีวิตแต่มองไม่ เห็น  สัมผัสไม่ได้  มีการทำพิธีสู่ขวัญหรือเรียกขวัญเพื่อสร้างกำลังใจในการดำเนินชีวิต ในพิธีชาวบ้านจำนวนมากจะเอามือแตะตัวอีกคนต่อๆ กันเพื่อจะรวมกันส่งพลังให้จนถึงบุคคลหนึ่งที่พวกเขาช่วยกันเเรียกขวัญกลับ มาเป็นสัญลักษณ์ว่าชุมชนระดมจิตใจมาช่วยส่งเสริมเจ็บป่วยหรือผู้ที่มีปัญหา หรือผู้ที่เขาต้องการให้แช่มชื่น  เช่น  สู่ขวัญเด็ก  สู่ขวัญบ่าวสาว  สู่ขวัญคนป่วย  เป็นต้น ชาวอีสานเชื่อว่าสาเหตุของการเจ็บป่วยนั้นเกิดจากสาเหตุต่างๆ  มากมายหลายประการ  เช่น  เจ็บป่วยเพราะผีเข้า  เจ็บป่วยเพราะกินเหล้าเมายา( ยาเสพติด )  เจ็บป่วยเพราะผิดคำบนบานศาลกล่าว  เจ็บป่วยเพราะความชรา  เจ็บป่วยเพราะโศกเศร้าเสียใจ  เจ็บป่วยเพราะกินอาหารแสลงขณะอยู่ไฟ  เจ็บป่วยเพราะกินอาหารไม่เลือก  เจ็บป่วยเพราะตกต้นไม้เพราะควายชน( อุบัติเหตุ )  เจ็บป่วยเพระถูกยาสั่งหรือถูกลองของ  เจ็บป่วยเพราะเป็นฝีในท้องหรือวัณโรค  เจ็บป่วยเพราะถูกทำร้ายร่างกาย  เจ็บป่วยเพราะมีพยาธิเข้าสู่ร่างกาย  เจ็บป่วยเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง  เจ็บป่วยเพราะคิดถึงคนรักที่อยู่ต่างแดน  เจ็บป่วยเพราะเกียจคร้าน  เจ็บป่วยเพราะต้องการให้ลูกหลานเอาใจ (คนแก่)  เป็นต้น
         
 นอกจากนี้ยังมีวิธีการตรวจดูอาการในการตรวจวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยดังนี้  ดูสีผิวและสีตาผู้ป่วย  จับดูขาจับดูแข้ง  ลูบคลำในบริเวณที่เจ็บป่วย  ดูความเย็นความร้อนของร่างกายผู้ป่วย  ดูอาการหายใจของผู้ป่วย  ดูสีไฝและสีปานของผู้ป่วย  ดูสีหน้าความแดงและความซีดของผู้ป่วย  เป็นต้น หมอพื้นบ้านอีสาน  สามารถจำแนกตามลักษณะของการรักษาอันเนื่องมาจากสาเหตุของโรค (etiology)  แบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ

1. หมอที่รักษาผู้ป่วยอันเนื่องมาจากสาเหตุของโรคที่เป็นธรรมชาติ”  หรือเนื่องมาจาก พยาธิ”  และความผิดปกติของธาตุทั้งสี่  ได้แก่
  • http://www.pharmacy.msu.ac.th/exhibition_new/Images/med-hi15.jpgหมอยาฮากไม้ 
  • หมอเป่า 
  • หมอน้ำมนตร์  
  • หมอเอ็น   
2.   หมอที่รักษาด้วยพิธีกรรม/สาเหตุของโรคเนื่องจากสิ่งที่เหนือธรรมชาต
    โรคเหนือธรรมชาติ ได้แก่ โรคเนื่องจากฝีต่าง ๆ เจ้าที่ หรือการปฏิบัติตนที่ละเมิดฝ่าฝืนทำนองคลองธรรมของครอบครัว หรือ ชุมชน การรักษาจะต้องมีพิธีกรรม หมอเหล่านี้ได้แก่
  • หมอพระ  
  • หมอลำผีทรง  
  • หมอธรรม 
  • หมอพร หรือ หมอสู่ขวัญ หรือพาม (พราหมณ์) 

http://www.pharmacy.msu.ac.th/exhibition_new/Images/med-hi13.jpg

3. หมอตำแย    หมอตำแยที่เป็นผู้หญิงและผู้ชายสามารถปฏิบัติงานได้แตกต่างกันคือหมอตำแยผู้หญิงจะทำหน้าที่เฉพาะการทำคลอด และการทำความสะอาดเด็กเท่านั้น ส่วนขั้นตอนต่อไปคือพิธีกรรมการเอาแม่ลูกอ่อนอยู่ไฟนั้นเป็หน้าที่ของหมอเป่า หรือกรณีคลอดยากอาจต้องให้หมอเป่าทำน้ำมนต์ให้หญิงมีครรภ์ดื่มเรียกว่าสะเดาะ แต่หมอตำแยผู้ชายสามารถทำได้ทุกขั้นตอนคือตั้งแต่การทำคลอด การทำความสะอาดเด็ก จนกระทั่งถึงพิธีกรรมการเอาแม่ลูกอ่อนอยู่ไฟ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น